วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2550

TQM และ TPM

ความหมายของ TQM
TQM คือ ระบบหนึ่ง ๆ ที่ใช้เป็นวิธีการในการผลิต ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุดในอันที่จะตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ บางครั้งจะใช้เทคนิคทางสถิติมาประยุกต์ใช้ โดยการดำเนินควบคุมคุณภาพจะทำในทุกระดับ ตั้งแต่พนักงานระดับล่างจนถึงผู้บริหารระดับสูงผ่านฝ่ายต่าง ๆ ทั่วทั้งองค์กร ตั้งแต่งานวิจัยตลาด งานวิจัยและพัฒนา (R & D) งานวางแผนผลิตภัณฑ์ งานบริการหลังขาย ตลอดจนถึงงานการเงิน งานบุคคล และงานฝึกอบรม บางทีเรียก TQM ว่า การควบคุมคุณภาพทั่วทั้งองค์กร (CWQC) หรือการควบคุมคุณภาพแบบเบ็ดเสร็จ (TQC) หรือการจัดการคุณภาพแบบเบ็ดเสร็จ (TQM)
คุณภาพ หมายถึง คุณลักษณะที่มีผลต่อการใช้งานโดยรวมที่ใช้เป็นเกณฑ์ตัดสินว่า ผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นตอบสนองตามจุดประสงค์ในการใช้งานหรือไม่ ตลอดจนมีราคาเหมาะสม ส่งมอบทันท่วงที หรือผลิตป้อนตลาดทันความต้องการ ตลอดจนอื่น ๆ ที่สร้างความพึงพอใจให้ตามความต้องการของลูกค้าได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพคือ ผลิตภัณฑ์ที่สร้างความพอใจต่อผู้ซื้อได้
“คุณภาพต้องมาก่อน” หรือความจำเป็นของคุณภาพ ซึ่งได้ใช้คำนี้อย่างกว้างขวาง แต่อาจแตกต่างในความหมายเฉพาะของแต่ละบริษัท ความหมายแรก “คุณภาพต้องมาก่อน” คือการใช้แนวคิดกับความพยายามที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ (q) ที่ดีที่สุดในโลก โดยไม่ต้องคำนึงถึงกับว่าจะใช้ต้นทุนสูงเท่าใดก็ตาม โดยทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราโดดเด่นกว่าของคู่แข่ง ความหมายนี้จะเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง เช่น อาวุธในกองทัพ
ความหมายที่สองของ “คุณภาพต้องมาก่อน” คือการใช้แนวคิดที่จะยกระดับคุณภาพขึ้นมา โดยไม่ทำให้ราคาสูงขึ้นตามสัดส่วน เพื่อให้ลูกค้าได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสมน้ำสมเนื้อกับราคาขาย
ความหมายที่สามของ “คุณภาพต้องมาก่อน” คือการใช้ความหมายในแง่การจูงใจให้ทุกคนในบริษัทร่วมใจกันด้วยความพยายาม ส่งเสริมให้มีขวัญกำลังใจให้พนักงานพัฒนาบริษัทให้ดีขึ้นไปกว่าเดิม เป็นสโลแกนยึดเหนี่ยวพนักงานทุกคนในบริษัทไว้
ความหมายของ TPM
TPM หรือการบำรุงรักษาเชิงทวีผลโดยรวม (Total Productive Maintenance) หมายถึง ระบบการบำรุงรักษาที่ครอบคลุมตลอดช่วงอายุอุปกรณ์ นับตั้งแต่การวางแผน การผลิต การบำรุงรักษา และอื่น ๆ โดยอาศัยความร่วมมือจากพนักงานทุกคน ตั้งแต่ฝ่ายบริหารระดับสูงจนถึงพนักงานหน้างาน และการส่งเสริมการบำรุงรักษาเชิงทวีผล โดยผ่านการจัดการแบบสร้างขวัญและกำลังใจ ตลอดจนถึงการดำเนินกิจกรรมกลุ่มย่อยที่จะทำให้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์มีค่าสูงสุดกิจกรรมกลุ่มย่อยคือ หัวใจของการส่งเสริมให้เกิด TPMเราอาจนิยาม TPM ในรูปแบบง่าย ๆ คือ การทำให้ความสามารถของโรงงานได้รับการนำมาใช้สูงสุดด้วยการ
1. ลดการหยุดของอุปกรณ์ ทั้งกรณีหยุดสายการผลิตและการหยุดเพื่อซ่อมแซมงาน
2. เพิ่มความสามารถของอุปกรณ์ทั้งในแง่ปริมาณ คือ ผลิตให้มากขึ้น และแง่คุณภาพคือ การผลิต ผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าพอใจ และ
3. การปรับปรุงองค์ประกอบด้านความปลอดภัย สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อม เพื่อทำให้คุณภาพดีขึ้นและมีผลกำไรสูงขึ้น
ที่มาของ TPM เริ่มจากแนวคิดเรื่อง “การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน” (Preventive Maintenance : PM) ที่ต้องการป้องกันการหยุดของอุปกรณ์เป็นหลัก หลังจากนั้นก็ขยายแนวคิดให้ครอบคลุมถึงการป้องกันคุณภาพสินค้าตกต่ำลงที่มีสาเหตุจากการเสื่อมหรือข้อบกพร่องของอุปกรณ์ ทั้งหมดนี้อยู่ในหน้าที่ความรับผิดชอบของฝ่ายบำรุงรักษา
หลังจากนั้นไม่นานกลับพบว่าการใช้เครื่องจักรอุปกรณ์ที่ขณะเวลาต่าง ๆ นั้นมักเกิดปัญหาที่เหนือความคาดหมายของฝ่ายบำรุงรักษา และบุคคลากรที่อยู่หน้างานหรือผู้ใช้เครื่องจักรอุปกรณ์ย่อมรู้ดีที่สุด เพราะเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา แนวคิดใหม่จึงเกิดขึ้นว่า ผู้ใช้เครื่องจักรอุปกรณ์จะเป็นผู้ที่คอยให้คำปรึกษาให้
ข้อมูลแก่ฝ่ายซ่อมบำรุงรักษาในการซ่อมแซมและเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ เพื่อให้เครื่องจักรอุปกรณ์มีคุณภาพสูงขึ้น จากนั้นแนวคิดได้เพิ่มขยายถึงลักษณะทางด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม จากการใช้เครื่องจักรอุปกรณ์ในการผลิตนั้นด้วย จึงทำให้ PM มีความหมายเป็น “การบำรุงรักษาเชิงทวีผล” (Productive Maintenance) มาแทนที่การบำรุงรักษาเชิงป้องกันในความหมายเดิม แล้วความหมายเชิงทวีผลได้ขยายขอบเขตให้กว้างขึ้น โดยคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ล่วงหน้า (Proactive Solution) แล้วให้ฝ่ายบำรุงรักษาทำงานร่วมกับฝ่ายผลิต ฝ่ายวางแผน ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล ฝ่ายบัญชี และฝ่ายอื่น ๆ ทั่วทั้งองค์กร โดยเน้นคำว่าโดยรวมเป็น TPM (Total Productive Maintenance) ขอบเขตเนื้อหาของ TPM มีดังนี้
1. การติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ที่มีต้นทุนวงจรชีวิต (Life Cycle Cost) ต่ำสุด มีราคาซื้อ ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน ค่าใช้จ่ายในการซ่อมตลอดอายุการใช้งานอุปกรณ์นั้น ๆ เริ่มจากการวางแผน การเลือกซื้อ การติดตั้ง การทดลองเดินเครื่อง
2.การใช้อุปกรณ์ในการดำเนินงาน ต้องมีการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ มีการใช้งานที่ถูกต้อง การปรับการไหลของงาน การป้องกันการหยุด และกิจกรรม 5ส
3. การบำรุงรักษาอุปกรณ์ มี